ทริปวัดวังจ้า

วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

การล่ะเล่นของเด็กไทย

หมากเก็บ
จำนวนผู้เล่น 2 - 4 คน
วิธีเล่น
ใช้ก้อนกรวดที่มีลักษณะกลมๆ 5 ก้อน เสี่ยงทายว่าใครจะเล่นก่อน โดยวิธีขึ้นร้าน คือ ถือหมากทั้งห้าเม็ดไว้แล้วโยนพลิกหงายหลังมือรับ แล้วพลิกมือกลับรับอีกที ใครเหลือหินอยู่ในหินอยู่ในมือมากที่สุดคนนั้นเล่นก่อน มีทั้งหมด 5 หมาก หมากที่ 1 ทอดหมากให้ห่างๆ กัน เลือกลูกนำไว้ 1 เม็ด ควรใช้เม็ดกรวดที่ห่างที่สุด โยนเม็ดนำขึ้นแล้วเก็บทีละเม็ดพร้อมกับรับลูกนำที่หล่นลงมาให้ได้ ถ้ารับไม่ได้ถือว่า "ตาย" ขณะที่หยิบเม็ดที่ทอดนั้น ถ้ามือไปถูกเม็ดอื่นถือว่า ตาย
หมากที่ 2 เก็บทีละ 2 เม็ด
หมากที่ 3 เก็บทีละ 3 เม็ด
หมากที่ 4 ใช้โปะ ไม่ทอด คือ ถือหมากทั้งหมดไว้ในมือ โยนลูกนำขึ้นแล้วโปะเม็ดที่เหลือลงพื้นแล้วรวมทั้งหมดที่ถือไว้
"ขี้นร้าน" ได้กี่เม็ดเป็นแต้มของคนนั้น ถ้าขึ้นร้านเม็ดหล่นหมด ใช้หลังมือรับไม่ได้ ถือว่า "ตาย" ไม่ได้แต้ม คนอื่นเล่นต่อไป ถ้าใครตายหมากไหนก็เริ่มต้นหมากนั้น ส่วนมากกำหนดแต้ม 50-100 แต้ม เมื่อแต้มใกล้จะครบ เวลาขึ้นร้านต้องคอยระวังไม่ให้เกินแต้มที่กำหนด ถ้าเกินไปเท่าไร หมายถึงว่าต้องเริ่มต้นใหม่โดยได้แต้มที่เกินไปนั้น วิธีเล่นหมากเก็บนี้มีพลิกแพลงหลายอย่าง เช่น โยนลูกนำขึ้นเก็บทีละเม็ด เมื่อเก็บได้เม็ดหนึ่งก็โยนขึ้นพร้อมกับลูกนำ 2 - 3 - 4 เม็ด ตามลำดับ หมาก 2 - 3 -4 ก็เล่นเหมือนกัน โยนขึ้นทั้งหมด เรียกว่า "หมากพวง" ถ้าโยนลูกนำขึ้นเล่นหมาก 1- 2 -3 -4 แต่พลิกข้างมือขึ้นรับลูกนำให้เข้าในมือระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้ โดยทำเป็นรูปวงกลมเตรียมไว้เรียก "หมากจุ๊บ" ถ้าใช้มือซ้ายป้อง และเขี่ยหมากให้เข้าในมือนั้นทีละลูกในหมาก 1 -2 -3 และ 4 ตามลำดับ เรียกว่า "อีกาเข้ารัง" ถ้าเขี่ยไม่เข้าจะตาย ถ้าใช้นิ้วกลางกับนิ้วหัวแม่มือยันพื้น นิ้วอื่นปล่อยทำเป็นรูปซุ้มประตู เขี่ยหมากออกเรียกว่า "อีกาออกรัง" ถ้าใช้นิ้วกลางกับนิ้วหัวแม่มือ ขดเป็นวงกลม นิ้วชี้ชั้ตรงนิ้ว นอกนั้นยันพื้นเป็นรูปรูปู เรียกว่า "รูปู" เมื่อจบเกมการเล่นแล้วจะมีการกำทาย ผู้ชนะจะทายผู้แพ้ ว่ามีกี่เม็ด ถ้าทายผิดจะต้องถูกเขกเข่า กี่ทีตามที่ตนเองทายจนเหลือเม็ดสุดท้าย คนทายจะถือเม็ดไว้ในมือ แล้ววนพร้อมกับร้องเพลงประกอบ เมื่อร้องจบเอามือหนึ่งกำไว้ งอข้อศอกขึ้นต้องบนมือที่กำอีกข้างหนึ่ง
บทร้องประกอบ
"ตะลึงตึงตัง ข้างล่างห้า ข้างบนสิบ"

ซ่อนหา

จำนวนผู้เล่น ไม่จำกัดจำนวน
วิธีเล่น
จับไม้สั้นไม้ยาว เพื่อหาว่าใครจะเป็นคนหาก่อน เมื่อได้แล้วก็ปิดตา คนอื่นๆ ไปซ่อน คนปิดตาถาม "เอาหรือยัง" ถ้าผู้ซ่อนคนใด หรือหลายคนร้องว่า "ยัง" ก็ยังเปิดตาไม่ได้ รอจนกว่าผู้ซ่อนจะร้องว่า "เอาละ" จึงเปิดตาได้และค้นหาผู้ซ่อน เมื่อหาพบต้องส่งเสียงดังๆ เพื่อให้รู้ว่าพบใครคนหนึ่งแล้ว ผู้ซ่อนทั้งหลายก็ออกมาจากที่ซ่อน ถ้าเล่นโป้งแปะ จะต้องร้องว่า "โป้ง….(ชื่อผู้ที่พบ)" ถ้าผู้ซ่อนถึงตัวผู้หา และร้องว่า "แปะ" ก่อน ผู้นั้นต้องเป็นต่อไป ผู้เล่นจะต้องซ่อนคนเดียว ที่เดียวกันจะซ่อนมากกว่า 1 คนไม่ได้


โพงพาง
จำนวนผู้เล่น ไม่จำกัดจำนวนผู้เล่น
วิธีเล่น
เลือกคนที่เป็นปลา โดยการจับไม้สั้นไม้ยาว เอาผ้าผูกตาคนที่เป็นปลา แล้วหมุน 3 รอบ ผู้เล่นคนอื่นๆ ล้อมวงจับมือกันเดินเป็นวงกลม พร้อมร้องเพลงประกอบ เมื่อจบเพลงนั่งลง ถามว่า "ปลาเป็นหรือปลาตาย" ถ้าตอบว่า "ปลาเป็น" คนที่อยู่รอบวงจะขยับเขยื้อนหนีได้ ถ้าบอก "ปลาตาย" จะต้องนั่งอยู่เฉยๆ คนที่ถูกปิดตาทายถูกก็ต้องมาเป็นแทน ถ้าทายผิดต้องเป็นต่อไป (ผู้ที่เป็นปลา ซึ่งถูกปิดตาจะต้องทายว่า ผู้ที่ถูกจับได้เป็นใคร ชื่ออะไร)
บทร้องประกอบ "โพงพางเอย ปลาเข้าลอด
ปลาตาบอด เข้าลอดโพงพาง
โพงพางเอย นกกระยางเข้าลอด
เสือปลาตาบอด เข้าลอดโพงพาง
กินปลาเป็นหรือกินปลาตาย" ้


ตี่จับ
จำนวนผู้เล่น ไม่จำกัดจำนวน
วิธีเล่น
แบ่งเป็น 2 ฝ่ายเท่าๆกัน และจับไม้สั้นไม้ยาวว่าใครจะเริ่มตี่ก่อน ฝ่ายที่ตี่ก่อน เริ่มเล่นโดยเลือกพวกของตนคนหนึ่งเป็นคนเข้าไปตี่ คนตี่จะออกเสียง "ตี่" หรือ "หึ่ม" เข้าไปในแดนฝ่ายตรงข้าม ในขณะเดียวกันฝ่ายตรงข้ามต้องคอยยึดตัวไม่ให้กลับเข้าแดนของตนได้ จนกว่าจะขาดเสียงผู้นั้นต้องมาเป็นเชลยของฝ่ายตรงข้าม แต่ถ้าสามารถหนีกลับเข้าแดนตนได้ คนที่ถูกแตะจะกี่คนก็ตามต้องไปเป็นเชลยสลับกัน เมื่อมีฝ่ายของตนเป็นเชลย ผู้ที่ตี่คนต่อไปต้องพยายามช่วยพวกของตนกลับมาให้ได้ ฝ่ายตรงข้ามต้องคอยกันไม่ให้แตะกันได้ ถ้าแตะกันได้เชลยจะได้กลับแดนของตน เล่นกันเช่นนี้จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะหมดตัวผู้เล่นก่อน ฝ่ายชนะมีสิทธ์จะให้ฝ่ายแพ้ทำอะไรก็ได้


เดินกะลา
จำนวนผู้เล่น ไม่จำกัดจำนวนผู้เล่น
วิธีเล่น
เอาเชือกเส้นหนึ่งยาวประมาณ 1 วา ร้อยกะลามะพร้าว 2 อัน แล้วผู้เล่นขึ้นไปยืนบนกะลามะพร้าว โดยใช้นิ้วหัวแม่เท้ากับนิ้วชี้หนีบเส้นเชือกเอาไว้ทั้ง 2 เท้า (เหมือนกับหนีบรองเท้าฟองน้ำ) เมื่อเริ่มเล่น ทุกคนยืนอยู่ที่เส้น พอได้ยินเสียงสัญญาณให้รีบเดินไปที่เส้นชัย ใครถึงก่อนถือว่าชนะ



จำจี้
จำนวนผู้เล่น ประมาณ 2-3 คน

วิธีเล่น

ผู้เล่นนั่งล้อมวงกัน คว่ำมือทั้งสองลงบนพื้น คนหนึ่งเป็นคนจี้ โดยใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่นิ้วของผู้เล่นไล่ไปทีละนิ้วให้รอบวง พร้อมทั้งร้องเพลงไปด้วย เมื่อร้องจบแล้ว จิ้มอยู่ที่นิ้วใดคนนั้นต้องพับนิ้วนั้นเข้าไป ผู้จิ้มก็เริ่มเล่นใหม่ไปเรื่อยๆ ใครต้องพับนิ้วทั้งหมดเ ป็นคนแรกแพ้

บทร้องประกอบ

"จ้ำจี้มะเขือเปราะ กระเทาะหน้าแว่น

พายเรืออกแอ่น กระแท่นต้นกุ่ม

สาวๆ หนุ่มๆ อาบน้ำท่าไหน

อาบน้ำท่าวัด เอาแป้งที่ไหนผัด

เอากระจกที่ไหนล่อง เยี่ยมๆ มองๆ นกขุนทองร้องฮู้


รีรี่ข้าวสาร
จำนวนผู้เล่น ไม่จำกัดจำนวนผู้เล่น
วิธีเล่น จับไม้สั้นไม้ยาว ให้ผู้เล่น 2 คน ยืนเอามือประสานกันเหนือศีรษะเป็นประตูโค้ง คนอื่นๆ เกาะไหล่กันลอดใต้โค้งไปเรื่อยๆ สองคนที่เป็นประตูจะร้องเพลงประกอบเวลา แถวลอดใต้โค้งหัวแถวจะต้องเดินอ้อมหลังคนที่เป็นประตูครั้งละหน เมื่อจบเพลงสอง คนที่เป็นประตูจะกระดุกแขนลงกั้นคนสุดท้ายให้อยู่ระหว่างกลาง คัดออกไป คนข้างหลังต้องระวังตัวให้ดี มิฉะนั้นตนเองต้องออกจากการเล่น ต้องผ่านให้ได้หมดทุกคนจึงจะจบ
บทร้องประกอบ "รีรีข้าวสาร สองทะนานข้าวเปลือก
เลือกท้องใบลาน เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน
คดข้าวใส่จาน พานเอาคนข้างหลังไว้ให้ดี"
















การละเล่นพื้นบ้าน

การละเล่นพื้นบ้านพื้นเมือง


การละเล่น หมายถึง การเล่นดนตรี การเล่นเพลง การเล่นรำ การเล่นที่ต้องร่วมกันตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไป เรียกว่า มหรสพหรือศิลปะการแสดง
พื้นเมือง หมายถึง สิ่งที่อยู่ในท้องถิ่นนั้น ๆ

การละเล่นพื้นเมือง หมายถึง การแสดงใด ๆ อันเป็นประเพณีนิยมในท้องถิ่นและเล่นกันใน ระหว่างประชาชน เพื่อความสนุกสนานรื่นเริงตามฤดูกาล การแสดงต้องเป็นไปอย่างมีวัฒนธรรม มีความเรียบร้อย ใช้ถ้อยคำสุภาพ แต่งกายสุภาพถูกต้องตามความนิยมและวัฒนธรรม เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น สถานที่ก็ต้องจัดให้เหมาะสมกับโอกาสที่จะแสดง ซึ่งการละเล่นพื้นเมือง จะไม่เป็นอาชีพหรือเพื่อหารายได้ จะมีดนตรีหรือการขับร้อง หรือการฟ้อนรำประกอบก็ได้

การละเล่นพื้นเมือง แบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ การแสดงพื้นเมือง และ เพลงพื้นเมือง

การแสดงพื้นเมือง หมายถึง การละเล่นที่มีการแสดง การร่ายรำ มีเพลงดนตรีประกอบ ที่ได้วางเป็นแบบแผน และนิยมเล่นหรือถ่ายทอดสืบต่อกันมาจนแพร่หลาย
การแสดงพื้นเมือง อาจเกิดจากการบูชาบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น ขอให้สิ่งที่ตนนับถือประทานสิ่งที่ตนปรารถนา หรือขจัดปัดเป่าสิ่งที่ไม่ปรารถนา นอกจากนี้ ก็เป็นการแสดงเพื่อความบันเทิงรื่นเริง

เพลงพื้นเมือง หมายถึง เพลงที่ชาวบ้านในท้องถิ่นนั้น ๆ ประดิษฐ์แบบแผนการร้องเพลง ไปตามความนิยม และสำเนียงภาษาพูดในท้องถิ่นของตน นิยมร้องเล่นกันในเทศกาลหรืองานที่มีการชุมนุมรื่นเริง เช่น ตรุษ สงกรานต์ ขึ้นปีใหม่ ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า และในการลงแขกเกี่ยวข้าว นวดข้าว เป็นการเล่นที่สืบต่อกันมา
เนื้อความของเพลงพื้นเมืองที่นิยมร้องกัน มักจะเป็นการเกี้ยวพาราสีระหว่างชายหญิง ปะทะคารมกัน ในด้านสำนวนโวหาร สิ่งสำคัญของการร้องคือ การด้นกลอนสด ร้องแก้กันด้วยปฏิภาณไหวพริบ ทำให้เกิดความสนุกสนานทั้งสองฝ่า

การละเล่นพื้นเมืองภาคเหนือ

ในภาคเหนือ ภูมิประเทศเป็นป่าเขา ต้นน้ำลำธาร อุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติ การทำมาหากินสะดวกสบาย ชาวเหนือจึงมีนิสัยอ่อนโยน ยิ้มแย้มแจ่มใส มีน้ำใจไมตรี การแสดงพื้นเมืองจึงมีลีลาอ่อนช้อย งดงามและอ่อนหวาน
การแสดงพื้นเมืองภาคเหนือ เรียกกันว่า ฟ้อน มีผู้แสดงเป็นชุดเป็นหมู่ ร่ายรำท่าเหมือนกัน แต่งกายเหมือนกัน มีการแปรแถวแปรขบวนต่าง ๆ
ลักษณะของการแสดงพื้นเมือง ได้แก่
ลีลาการเคลื่อนไหว เป็นไปตามเอกลักษณ์ของแต่ละภาค
เครื่องแต่งกาย เป็นลักษณะพื้นเมืองของภาคนั้น ๆ
เครื่องดนตรี เป็นของท้องถิ่น ได้แก่ ปี่แน กลองตะโล้ดโป๊ด ฉาบใหญ่ ฆ้องโหม่ง ฆ้องหุ่ย
เพลงบรรเลงและเพลงร้อง เป็นทำนองและสำเนียงท้องถิ่น

การแสดงพื้นเมืองภาคเหนือ ได้แก่ ฟ้อนเทียน ฟ้อนเล็บหรือฟ้อนเมือง ฟ้อนลาวแพน ฟ้อนรัก ฟ้อนเงี้ยว ฟ้อนดวงเดือน ฟ้อนดวงดอกไม้ ฟ้อนดวงเดือน ฟ้อนมาลัย ฟ้อนไต ฟ้อนดาบ ฟ้อนโยคีถวายไฟ ระบำชาวเขา รำกลองสะบัดไช

เพลงพื้นเมืองภาคเหนือ เช่น เพลงซอ เพลงชาวเหนือ เพลงดวงดอกไม้

ตัวอย่างเพลงพื้นเมืองภาคเหนือ

เพลงซอ ทำนองซอละม้ายหญิง
น้อยมานพอ้ายจะมาเป็นกู่ พี่มานพ ที่จุมาเป็นกู่
อ้ายช่างมีความฮู้ ติดตั๋วท่องหา พี่มีความรู้บ้างไหม
จะมาเป็นผัวมันต้องมีปัญญา ที่จะมาเป็นสามีต้องมีความรู้ปัญญา
ถ้าบ่หมีวิชาเอากั๋นตึงบ่ได้ ถ้าไม่มีวิชา แต่งงานกันไม่ได้
หากมานพจะมาเป็นผัว หากมานพจะมาเป็นสามี
ตั๋วจะต้องมีความฮู้เอาไว้ พี่ต้องมีความรู้เอาไว
หน้าต๋ากะหลวก ถ้าใจ่ก๋านบ่ได้ หน้าตาก็ฉลาด ถ้าใช้ทำงานไม่ได้
แล้วไผจะเอาอ้ายมานอนโตย แล้วใครจะเอาพี่มานอนด้วย
น้อยมานพจะมาเป็นกู่ พี่มานพจะมาเป็นคู่
ถ้าบ่หมีความฮู้ ข้าเจ้าตึงบ่เอาเป็นผัว ถ้าไม่มีความรู้น้องก็ไม่เอา มาเป็นสามี
สมัยเดี๋ยวอี่บัวตองตึงกั๋ว สมัยปัจจุบันนี้น้องบัวตองกลัว
บ่มีความฮู้ติดตั๋วเอากั๋นตึงบ่ได้ ไม่มีความรู้ติดตัวแต่งงานกันไม่ได้
ป่อแม่ข้าเจ้าตึงบ่เปิงใจ๋ พ่อแม่ของน้องจึงไม่พอใจ
กั๋วเอาของไปชุบบ่ตาย กั๋วอับ กั๋วอาย กลัวว่าจะเอากันไปใช้เปล่าๆ
ไปแผวปี่ แผวน้อง จิ่มแหล่นอ กลัวจะอายไปถึงพี่น้อง



การละเล่นพื้นเมืองภาคอีสาน

ภูมิประเทศภาคอีสานเป็นที่ราบสูง ค่อนข้างแห้งแล้งเพราะพื้นดินไม่เก็บน้ำ ฤดูแล้งจะกันดาร ฤดูฝนน้ำจะท่วม แต่ชาวอีสานก็มีอาชีพทำไร่ทำนา และเป็นคนรักสนุก จีงหาความบันเทิงได้ทุกโอกาส
การแสดงของภาคอีสาน มักเกิดจากกิจวัตรประจำวัน หรือประจำฤดูกาล เช่น แห่นางแมว เซิ้งบั้งไฟ เซิ้งสวิง เซิ้งกระติบ รำลาวกระทบไม้ ฯลฯ
ลักษณะการแสดงซึ่งเป็นลีลาเฉพาะของอีสาน คือ ลีลาและจังหวะในการก้าวเท้า มีลักษณะคล้ายเต้น แต่นุ่มนวล มักเดินด้วยปลายเท้าและสบัดเท้าไปข้างหลังสูง เป็นลักษณะของ เซิ้ง
ดนตรีพื้นเมืองอีสาน ได้แก่ กลองยาว กรับ ฉาบ โหม่ง แคน โปงลาง

การแสดงพื้นเมืองภาคอีสาน ได้แก่ ฟ้อนภูไท เซิ้งสวิง เซิ้งโปงลาง เซิ้งตังหวาย ภูไทสามเผ่า ไทภูเขา เซิ้งกระติบข้าว


เพลงพื้นเมืองภาคอีสาน เช่น หมอลำ เพลงโคราช เจรียง กันตรึม เพลงล่องโขง เพลงแอ่วแคน

ตัวอย่างเพลงพื้นเมืองภาคอีสาน

หมอลำเพลิน
จังวางเปิดม่านกั้งแจ้งสว่างอยู่ในตา ตาส่องหาพี่ชายผู้เสื้อลายบ่มา บ้อ
แฟนพี่ชาย อยู่เทิงฮ่าน โอ้ โอย เด้ ชาย ฟังเด้ออ้าย เด้ออ้าย
ผู้ชายงามบ้านเพิ่น น่องมาคิดอยากได้โตเจ้าไว้กล่อมนอน
น่องผู้ฮ่าย ผู้ฮ่าย อ้ายสิบ่สนใจ เฮ็ดจั๋งได๋นอชาย
น่องคนจนพร้อม จนใจแล่ว ใจแล่ว
แนวมันพาทุกข์ หาความสุขกายใจอยู่ที่ไฮ่นา
เชิญเถิดค้า เถิดค่ามาจากันก่อน อย่าซิฟ่าวใจฮ่อน จ่มว่ารำคาญ
ขันไปบ้าน ไปบ้านขอนแก่นทางอีสาน ขอเชิญวงศ์วานเยี่ยมยามกันบ้าง
จาทอนี่ ทอนี่ พอเป็นแบบอย่าง ฮู่แนงทางตำนานครู ข้าได้สอนมา
ว่าจังได๋คนดี สนนางบอน้ออ้าย น้ออ้าย น้ออ้าย



การละเล่นพื้นเมืองภาคใต้

ภาคใต้ เป็นดินแดนที่ติดทะเลทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออก ทางด้านใต้ติดกับมลายู ทำให้รับวัฒนธรรมของมลายูมาบ้าง และมีขนบประเพณีวัฒนธรรมและบุคคลิกบางอย่างคล้ายคลีงกัน คือ พูดเร็ว อุปนิสัยว่องไว ตัดสินใจรวดเร็วเด็ดขาด การแต่งกาย เพลง และดนตรีคล้ายคลึงกันมาก
การแสดงพื้นเมืองภาคใต้ แบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ
๑. มหรสพ คือ การแสดงเป็นเรื่อง เช่น หนังตะลุง มีตัวหนัง มีคนเชิด มีการร้องและเจรจา นอกจากนั้นมี ลิเกป่า หรือลิเกรำมะนา หรือลิเกแขกแดง หรือลิเกแขกเทศ หรือลิเกบก ซึ่งผู้แสดงโต้ตอบกันเป็นเรื่องราว อีกการแสดงคือ โนรา ถ้าเล่นเป็นเรื่องก็ถือเป็นมหรสพ แต่ถ้าร่ายรำเป็นชุด ก็ถือเป็นการแสดงเบ็ดเตล็ด
๒. การแสดงเบ็ดเตล็ด คือ ร่ายรำเป็นชุด เช่น โนรา ร็องเง็ง ซัมเปง ตารีกีปัส ระบำร่อนแร่ กรีดยาง ปาเต๊ะ รำซัดชาตรี
ดนตรีของภาคใต้ ได้แก่ กลองแขก รำมะนา ปี่ ทับ โหม่ง ฉิ่ง ซอ

เพลงพื้นเมืองภาคใต้ เช่น เพลงร้องเรือ(เพลงกล่อมเด็ก) เพลงบอก เพลงกำพรัด(หรือคำพลัด)

ตัวอย่างเพลงพื้นเมืองภาคใต้

เพลงบอก

เพลงบอก เป็นเพลงพื้นบ้านที่ได้รับความนิยมสูงสุด และมีการแพร่กระจายทั่วทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ ตลอดไปถึงคนไทยในประเทศมาเลเซีย ศิลปินที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดสงขลา
คำว่าเพลงบอก มาจากภาระหน้าที่ของเพลงชนิดนี้ กล่าวคือ สมัยก่อนเมื่อถึงเทศกาลสงกรานต์จะมีนักเลงกลอนชาวบ้าน เที่ยวตระเวนไปแทบทุกครัวเรือน เพื่อขับร้องกลอนบอกสงกรานต์ตามคำทำนายของโหรหลวง เพลงชนิดนี้จึงได้ชื่อว่า "เพลงบอก"

กลอนเพลงบอกพัฒนามาจาก "แปดบท" ขุนประดิษฐ์เป็นผู้คิดดัดแปลง จึงเรียกกันในครั้งนั้นว่า "เพลงบอกขุนประดิษฐ์" ต่อมาพระรัตนธัชมุนี (ม่วง รัตนธัชเถร) ได้ปรับรูปแบบกลอนอีกครั้งหนึ่ง และได้ใช้แต่งเรื่อง "ศาลาโกหกหรือสัจจศาลา" มอบให้ลูกเสือมณฑลนครศรีธรรมราชนำไปร้องในคราวชุมนุมลูกเสือแห่งชาติที่กรุงเทพฯ เมื่อ พ.ศ. 2470

ผู้แสดง ใช้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงอย่างน้อย 6-7 คนหรือมากกว่านี้ก็ได้ ประกอบด้วยแม่เพลงและลูกคู่

การแต่งกาย แต่งกายแบบพื้นเมืองชาวภาคใต้ตามลักษณะชาวบ้านที่มีความเป็นอยู่ในท้องถิ่นนั้นๆ

การแสดง จะแตกต่างกันไปตามโอกาส ซึ่งถือว่ามีขนบนิยมในการเล่น ดังนี้

1. เล่นบอกสงกรานต์ เล่นได้ในช่วงตั้งแต่ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 5 จนถึงวันเถลิงศก โดยคณะเพลงบอกและผู้นำทางซึ่งเป็นคนในหมู่บ้าน ออกว่าเพลงบอกไปตามบ้านต่างๆ ตั้งแต่พลบค่ำจนสว่าง
วิธีเล่นเพลง เมื่อคณะเพลงบอกถึงเขตรั้วบ้าน แม่เพลงจะขึ้นบทไหว้ครู ไหว้นนทรี ซึ่งเป็นเทวดารักษาประตูบ้าน ไหว้พระภูมิและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เมื่อก้าวเข้าสู่ลานบ้านจะชมบ้านเรือน ทรัพย์สินต่างๆ ฝ่ายเจ้าบ้านจะเปิดประตูปูเสื่อต้อนรับนอกตัวเรือน หลังจากคณะเพลงบอกสนทนากับเจ้าบ้านชั่วครู่ ก็ร้องกลอนบอกเรื่องราวของสงกรานต์ที่โหรทำนายให้ทราบ เจ้าบ้านอาจให้คณะเพลงบอกร้องกลอนเล่าตำนานสงกรานต์ หรืออาจยกถาดข้าวขวัญจากยุ้งข้าวมาให้คณะเพลงบอกร้องบูชาแม่โพสพ เมื่อเจ้าบ้านพอใจก็จะตกรางวัลให้ตามธรรมเนียม คณะเพลงบอกจะร้องเพลงอวยพร แล้วไปร้องบอกสงกรานต์บ้านอื่นๆ ต่อไป

2. เล่นบอกข่าวคราวและโฆษณา เช่น งานบุญต่างๆ เพลงบอกจะร้องเชิญชวนทำบุญ โดยจุดที่เพลงบอกอยู่จะมีการรับบริจาค เมื่อถึงช่วงเลือกตั้ง ทางราชการอาจจะหาเพลงบอกมาร้องกลอนเชิญชวนชาวบ้าน ให้ไปใช้สิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้ง ชี้แนะให้เลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เป็นต้น
ทางด้านการโฆษณาเพื่อผลทางธุรกิจ ได้มีบริษัทห้างร้านหลายแห่งใช้เพลงบอกโฆษณาสินค้าทางวิทยุ และในงานสวนสนุก

3. เล่นประชัน คือ จัดเพลงบอก 2 คณะ ให้ร้องโต้กลอนสด การเล่นจะจัดให้เพลงบอกคู่ประชันนั่งห่างกันประมาณ 1 วา โดยมีประธานนั่งกลาง แต่ละฝ่ายจะมีแม่เพลง 1 คน และลูกคู่ 2-3 คน ไม่มีกรรมการ เริ่มโต้โดยผลัดกันไหว้ครู จากนั้นฝ่ายหนึ่งร้องนำเป็นทำนองข่มสำทับฝ่ายตรงกันข้าม เช่น เรื่องบุคคลิกลักษณะ ประวัติชีวิต ความรู้ความสามารถ การกล่าวข่มสำทับจะใช้วิธีอุปมาหรือไม่ก็ยกอุทาหรณ์ประกอบ ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะต้องรู้ทันกัน การโต้จะดำเนินไปจนอีกฝ่ายเริ่มจนปัญญาจะยอมแพ้ หรือยุติกันไปเอง หรือไม่ก็ฟังเอาจากเสียงโห่ของคนฟัง ถ้าฝ่ายใดคนฟังให้เสียงโห่จนสิ้นเสียง ฝ่ายนั้นชนะ

4. ร้องชา เป็นการร้องเพลงบอกเพื่อการบวงสรวง บูชา หรือยกย่องชมเชย เช่น ชาขวัญข้าว ชาพระบรมธาตุ ชาปูชนียบุคคลและบุคคลสำคัญ
การร้องเพลงชาสิ่งเร้นลับเพื่อการบวงสรวง เช่น ชาขวัญข้าว จะต้องจัดเครื่องเซ่นบวงสรวงด้วย ลำดับขั้นตอนการในการร้องชาต้องถูกต้องตามธรรมเนียมที่เคยปฏิบัติกันมา

ดนตรี ใช้ฉิ่ง 1 คู่ สำหรับตีให้จังหวะ

เพลงร้อง จะใช้เพลงร้องเป็นกลอนเพลงบอกบทหนึ่งมี 2 บาท แต่ละบาทมี 4 วรรค คำสุดท้ายของบาทแรก ส่งสัมผัสไปยังคำสุดท้ายของบาทแรกของบทต่อไป

ตัวอย่างตอนหนึ่งจากการประชันเพลงบอก ระหว่างเพลงบอกรุ่ง อำเภอปากพนัง กับเพลงบอกปาน
อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช

(รุ่ง) ปานนี้เปรียบเหมือนกับชูชก มันแสนสกปรกเหลือประมาณ
อ้ายเรื่องหัวไม้ขอทาน แล้วใครจะปานกับมัน
เปิดคนที่ขี้ขอ ยิ่งคนเขายอว่าสำคัญ
แล้วตัวมันยิ่งกินยอ เห็นว่าคนพอใจ
พัทลุงหรือสงขลา ตลอดมาถึงนคร
ถ้าปล่อยให้ปานขอก่อน แล้วคนอื่นไม่พักไขว่
(ปาน) จริงแหละรุ่งปานเหมือนชูชก แต่ปานจะยกรุ่งเป็นพระเวสสันดร
ครั้งชูชกเข้าไปวอน แล้วรุ่งให้ไม่เหลือไหร่
ถึงลูกเมียยังไม่แน่ ครั่งพอปานแวะเข้าไป
บางทีสิ่งไรที่รัก ใคร่ก็รุ่งต้องให้มา
(รุ่ง) เราไม่เป็นพระเวสสันดร เพราะจะเดือนร้อนในที่สุด
เราจะเป็นนายเจตบุตร ที่มันเลิศเป็นนักหนา
ได้รับคำสั่งท้าวเจตราษฏร์ เหมือนหมายมาดที่เป็นมา
คอยรักษาอยู่ประตูป่า ถ้ามึงมาเวลาใด
เราจะคอยยิงด้วยธนูหน้าไม้ ให้ชูชกมันวายชีวิต
น้ารุ่งยกกลอนขึ้นประดิษฐ์ เห็นว่าไม่ผิดไหร่
(ปาน) จริงแหละรุ่งตนเป็นเจตบุตร เป็นคนประเสริฐสุดงามวิไล
ถ้าเมื่อชูชกเข้าไป ต้องม้วยซึ่งชีวา
แต่คนอื่นอื่นเขาเลี้ยงวัว บางคนก็เลี้ยงควาย
แต่เจตบุตรรุ่งนาย ทำไมถึงเลี้ยงหมา



การละเล่นพื้นเมืองภาคกลาง

ภาคกลางมีภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำหลายสาย เหมาะแก่การกสิกรรม ทำนา ทำสวน ประชาชนอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ จึงมีการเล่นรื่นเริงในโอกาสต่าง ๆ มากมาย ทั้งตามฤดูกาล ตามเทศกาล และตามโอกาสที่มีงานรื่นเริง
ภาคกลางเป็นที่รวมของศิลปวัฒนธรรม การแสดงจึงมีการถ่ายทอดสืบต่อกัน และพัฒนาดัดแปลงขึ้นเรื่อยๆ จนบางอย่างกลายเป็นการแสดงนาฏศิลป์แบบฉบับไปก็มี เช่น รำวง และเนื่องจากเป็นที่รวมของศิลปะนี้เอง ทำให้คนภาคกลางรับการแสดงของท้องถิ่นใกล้เคียงเข้าไว้หมด แล้วปรุงแต่งตามเอกลักษณ์ของภาคกลาง คือการร่ายรำที่ใช้มือ แขนและลำตัว เช่นการจีบมือ ม้วนมือ ตั้งวง การอ่อนเอียง และยักตัว

การแสดงพื้นเมืองภาคกลาง ได้แก่ รำวง รำเหย่ย เต้นกำรำเคียว เพลงเกี่ยวข้าว รำชาวนา เพลงเรือ เถิดเทิง เพลงฉ่อย รำต้นวรเชษฐ์ เพลงพวงมาลัย
เพลงอีแซว เพลงปรบไก่ รำแม่ศรี

ดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดง ได้แก่ วงปี่พาทย์

เพลงพื้นเมืองภาคกลาง เช่น เพลงเหย่อย เพลงเทพทอง เพลงฉ่อย เพลงอีแซว เพลงเรือ เพลงเกี่ยวข้าว เพลงสงฟาง เพลงพิษฐาน เพลงเต้นกำ เพลงรำเคียว เพลงพวงมาลัย เพลงชาวไร่ เพลงระบำ เพลงบ้านนา เพลงปรบไก่ เพลงสวรรค์ เพลงแอ่วซอ

เพลงพื้นเมืองบางอย่างได้วิวัฒนาการมาเป็นการแสดงที่มีศิลปะ มีระเบียบแบบแผน เช่น เพลงทรงเครื่อง คือ เพลงฉ่อย ที่แสดงเป็นเรื่อง ได้แก่ เรื่องขุนช้างขุนแผน หรือเรื่องที่แต่งขึ้นมาใหม่
ลักษณะการแสดง เริ่มด้วยการไหว้ครู แล้ว่าประ แก้กันอย่างเพลงฉ่อยตามประเพณี แล้วก็แสดงเป็นเรื่องอย่างละคร ร้องดำเนินเรื่องด้วยเพลงฉ่อย และเพลงอื่นแทรกบ้าง ใฃ้วงปี่พาทย์รับการร้องส่งบ้างหรือบรรเลงเพลงหน้าพาทย์ประกอบกิริยาของตัวละครบ้าง

ตัวอย่างเพลงพื้นเมืองภาคกลาง


เพลงเกี่ยวข้าว
เพลงเกี่ยวข้าว เป็นเพลงที่สำหรับร้องกันในขณะลงแขกเกี่ยวข้าว อันเป็นอาชีพสำคัญของประชาชนชาวไทยอย่างหนึ่ง
เพื่อให้ความสนุกสนานกับความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าในการงาน และเชื่อมความสามัคคีในระหว่างพื้นบ้านอาชีพเดียวกัน
เนื้อความของเพลงมักจะเกี่ยวกับ การไต่ถามถึงการทำนาผสมผสานการเกี้ยวพาราสีกัน
เพลงเกี่ยวข้าว บางแห่งเรียก "เพลงกำ" เวลาแสดงมือหนี่งถือเคียว อีกมือหนึ่งกำข้าวไว้ ย่ำเท้าใช้ลีลาไปตามจังหวะเพลง ใช้ตบมือให้จังหวะพร้อมๆ กัน บางครั้งใช้กลองและฉิ่งเข้าร่วมด้วย

ตัวอย่างเพลง (ของเดิม)


ต้นเสียง ชะเอิง เงิงเงย ชะ เอิง เงิง เง้ย
ลูกคู่ เฮ้ เอ้า เฮ้ เฮ้
ต้นเสียง แขกอาสาที่มาก็สาย ทั้งวัวทั้งควายพะรุงพะรัง (เฮ้ เอ้า เฮ้ เฮ้)
พี่ขี่ไอ้เผือกออกหน้า อีสร้อยระย้าตามหลัง
ลง พี่ขี่ไอ้ทุยลุยซังไปกระทั่งนาเอย (เวลาลง ร้องซ้ำสองครั้ง)
(ลูกคู่รับย้อนต้น พร้อมๆ กัน)
ต้นเสียง เกี่ยวข้าวอยู่ข้างทาง เห็นสายระยางเป็นเชือกชัก
พี่ขอถามน้องสาว ว่าทำข้าวเบาหรือว่าทำข้าวหนัก
ลง ขอยืมเคียวเกี่ยวสักพัก แม่คนที่รักกันเอย


เพลงเหย่อย
(ชาย) มาเถิดหนาแม่มา มาเล่นพาดผ้ากันเอย
พี่ตั้งวงไว้ท่า อย่านิ่งรอช้าเลยเอย
พี่ตั้งวงไว้คอย อย่าให้วงกร่อยเลยเอย
(หญิง) ให้พี่ยื่นแขนขวา เข้ามาพาดผ้าเถิดเอย
(ชาย) พาดเอยพาดลง พาดที่องค์น้องเอย
(หญิง) มาเถิดพวกเรา ไปรำกับเขาหน่อยเอย
(ชาย) สวยแม่คุณอย่าช้า ก็รำมาเถิดเอย
(หญิง) รำร่ายกรายวง สวยดังหงส์ทองเอย
(ชาย) รำเอยรำร่อน สวยดังกินนรนางเอย
(หญิง) รำเอยรำคู่ น่าเอ็นดูจริงเอย
(ชาย) เจ้าเขียวใบข้าว พี่รักเจ้าสาวจริงเอย
(หญิง) เจ้าเขียวใบพวง อย่ามาเป็นห่วงเลยเอย
(ชาย) รักน้องจริงจริง รักแล้วไม่ทิ้งไปเอย
(หญิง) รักน้องไม่จริง รักแล้วก็ทิ้งไปเอย
(ชาย) พี่แบกรักมาเต็มอก รักจะตกเสียแล้วเอย
(หญิง) ผู้ชายหลายใจ เชื่อไม่ได้เลยเอย
(ชาย) พี่แบกรักมาเต็มลำ ช่างไม่เมตตาเลยเอย
(หญิง) เมียมีอยู่เต็มตัก จะให้น้องรักอย่างไรเอย
(ชาย) สวยเอยคนดี เมียพี่มีเมื่อไรเอย
(หญิง) เมียมีอยู่ที่บ้าน จะทิ้งทอดทานให้ใครเอย
(ชาย) ถ้าฉีกได้เหมือนปู จะฉีกให้ดูใจเอย
(หญิง) รักจริงแล้วหนอ รีบไปสู่ขอน้องเอย
(ชาย) ขอก็ได้ สินสอดเท่าไรน้องเอย
(หญิง) หมากลูกพลูจีบ ให้พี่รีบไปขอเอย
(ชาย) ข้าวยากหมากแพง เห็นสุดแรงน้องเอย
(หญิง) หมากลูกพลูครึ่ง รีบไปให้ถึงเถิดเอย
(ชาย) รักกันหนาพากันหนี เห็นจะดีกว่าเอย
(หญิง) แม่สอนไว้ ไม่เชื่อคำชายเลยเอย
(ชาย) แม่สอนไว้ หนีตามกันไปเถิดเอย
(หญิง) พ่อสอนว่า ให้กลับพาราแล้วเอย
(ชาย) พ่อสอนว่า ให้กลับพาราพี่เอย
(หญิง) กำเกวียนกำกง ต้องจากวงแล้วเอย
(ชาย) กรรมวิบาก วันนี้ต้องจากเสียแล้วเอย
(หญิง) เวลาก็จวน น้องจะรีบด่วนไปก่อนเอย
(ชาย) เราร่วมอวยพร ก่อนจะลาจรไปก่อนเอย
(พร้อม) ให้หมดทุกข์โศกโรคภัย สวัสดีมีชัยทุกคนเอย

วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2552

ขั้นตอนการสมัคร Gmail


Gamesfather Video

การสมัครใช้ Gmail

การสมัคร Gmail
1. เข้าไปที่เวปไซด์ http://www.google.co.th/


2.คลิกที่คำว่า G-Mali ตรงด้านบนซ้ายของเวปค่ะ ตามกรอบสี่เหลี่ยมสีแดง

3.คลิกคำว่า สมัครใช้งาน G-Mail ตามกรอบสีแดง


4.หลังจากนั้นกรอกข้อมูลส่วนตัวให้เรียบร้อย


จากนั้นพิมพ์รายละเอียดตามที่ปรากฎให้ครบ
First name : ชื่อ ใส่ชื่อเราลงไป
Last name : นามสกุล ใส่นามสกุลเราลงไป
Desird Login Name ชื่อการเข้าสู่ระบบที่ต้องการ
Check availability! คลิกเพื่อตรวจสอบว่ามีผู้ใช้แล้วหรือยัง
Choos a password รหัสผ่าน
Re-enter a password กรอกรหัสผ่านอีกครั้ง
Security Question เลือกคำถามที่ต้องการ
Answer คำตอบ
Secondary email เมล์สำรองเพื่อแจ้งปัญหา


5.เมื่อกรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้วก็ลองเข้าเมล์ที่สมัครไป




6.สมัครเมล์ได้เรียบร้อยแล้วเตรียมใช้งานต่อไปค่ะ


วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2552

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

Sentosa
คุณสามารถเดินทางมาที่นี่ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาทีจากเมืองโดยกระเช้าลอยฟ้าหรือทางรถยนต์ เกาะรีสอร์ทซึ่งเป็นเสมือนอัญมณีแห่งการพักผ่อนของสิงคโปร์นี้มีพื้นที่ถึง 390 เฮกตาร์ พร้อมด้วยแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมมากมาย ครั้งหนึ่ง เซนโตซ่า (หมายถึงความสันติและความสงบสุข) เคยเป็นหมู่บ้านชาวประมงและฐานทัพของอังกฤษ ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นเกาะรีสอร์ทที่สงบสุขและงดงามเมื่อปี 1972

SENTOSA ประเทศสิงค์โปร์
สร้าง Comment ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง..คลิ๊กที่นี่


ฮัลโหล!!+++ อยากรู้ข้อมูล กด Link ด้านล่าง น้ะจ้ะ
สร้าง Comment ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง..คลิ๊กที่นี่

คุณสามารถดาวน์โหลดไฟล์ข้อมูลได้ที่นี่ค่ะ
http://th.upload.sanook.com/A0/673ab2c285b7b70dc76cd95f16bcd20f

วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2552